เงินก้อนแรกที่ควรมี คือ เงินสำรองฉุกเฉิน 3 - 6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน เพื่อเป็นสภาพคล่องให้กับตัวเองหรือนำไปลงทุนระยะยาว ในยามที่ท่านอาจเกิดปัญหา การเงินในอนาคตเงินส่วนนี้จะเข้ามาช่วยเรา โดยแนะนำให้เก็บเงินส่วนนี้ไว้ด้วยการฝากเงินเข้าธนาคารหรือกองทุนรวม ที่มีสภาพคล่องสูงและในการจัดสรร รายได้ทั้งหมด แบ่งเป็นเงินออมและการลงทุนสัก 10% - 30% ภาระหนี้สินรวมไม่ควรเกิน 35% - 45% (หนี้สินที่ไม่รวมหนี้บ้าน ไม่ควรเกิน 15% – 20% เช่น หนี้รถ หนี้ผ่อนสินค้า)

ในการบริหารความเสี่ยง เป็นเรื่องของการมีประกันภัยรองรับที่เพียงพอ จากสิ่งที่ไม่คาดฝัน เช่น อุบัติเหตุ โรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งประกันจะเป็นตัวช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ของท่านไปได้มากครับ

 ส่วนที่ 2 การสะสมความมั่งคั่ง (Wealth Accumulation)
เป็นส่วนของการลงทุนเป้าหมายการเงินในอนาคต นั่นคือการวางแผนเพื่อการเกษียณอายุ (Retirement Planning) และวางแผนการศึกษา (Education Planning) ซึ่งปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์การเงินที่เหมาะสำหรับการใช้เพื่อวางแผนเกษียณและแผนการศึกษามากมาย โดยถือว่าเป็นแผนที่มีระยะค่อนข้างยาว หากท่านใดมีความรู้ด้านการลงทุนในกองทุนรวมหรือหุ้น ก็สามารถซื้อเองได้เลย หรือหากไม่มีเวลาศึกษาก็ลองเริ่มต้นที่กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงระดับ 5 ขึ้นไป โดยการออมเงินที่แนะนำก็จะเป็น บัญชีฝากประจำ หรือ ประกันที่ฝากระยะสั้น-กลาง กองทุนรวมผสมไปจนถึงกองทุนรวมหุ้น

 ส่วนที่ 3 การลงทุน (Investment)
ขั้นบนสุดของพีระมิดคือ การลงทุนตามความต้องการส่วนบุคคลนั่นเอง โดยพิจารณาจากความถนัดว่าความถนัดอะไร ลงทุนแบบไหนที่ก็สามารถจัดการได้ เพราะเป็นส่วนที่รับความเสี่ยงได้อย่างเต็มที่แล้ว โดยสามารถแบ่งเป้าหมายการลงทุนออกเป็น 3 ส่วน คือ ระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว เพื่อให้ท่านเลือกผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้เหมาะสมได้
  เป้าหมายระยะสั้น ( ในระยะเวลา 0-3 ปี ) : ออมเงินประเภทฝากประจำหรือลงทุนกับกองทุนรวมตลาดเงิน
  เป้าหมายระยะกลาง ( ในระยะเวลา 3-7 ปี ) : ลงทุนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว, กองทุนรวม, ตราสารหนี้หรือหุ้นสามัญ
  เป้าหมายระยะยาว ( ในระยะเวลา 7 ปีขึ้นไป ) : ลงทุนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพหรือการทำประกัน
และทั้งหมดนี้คือพีระมิดทางการเงินที่จะช่วยให้ทุกท่านเห็นภาพในการวางแผนการเงินที่ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะรากฐานของการวางแผนนั้นมีความความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะส่งผลต่อส่วนที่สูงขึ้นต่อไปเรื่อยๆ เมื่อทราบแล้วว่า ท่านควรจัดการกับการวางแผนการเงินอย่างไรและปฏิบัติตามได้ เท่านี้ก็หมดความกังวลใจกับปัญหาการเงินที่อาจเกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝันได้แล้วครับ