ความรู้เกี่ยวกับประกันควบการลงทุน
หลักการเบื้องต้น ในความแตกต่างของ ประกันชีวิตแบบทั่วไป กับ ยูนิต ลิงค์

 Unit Link ประกันทางเลือกใหม่ ที่คุ้มครอง+เพิ่มความมั่นคั่ง
ประกันชีวิตแบบ Unit Link คือ ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ให้ทั้งความคุ้มครองชีวิตและสร้างโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งหลายคนให้ความสนใจแต่อาจจะยังไม่ทราบรายละเอียดมากนัก วันนี้จะมาอธิบายถึงความแตกต่างของ Unit Link กับประกันชีวิตทั่วไป และประกันประเภทนี้เหมาะกับใคร ไปดูกันเลยค่ะ

ประกันชีวิตทั่วไปและแบบ Unit Link มีความแตกต่างกันตั้งแต่สัดส่วนของเบี้ยประกันที่จ่ายไป ซึ่งประกันชีวิตแต่ละแบบก็มีการจัดสรรเบี้ยประกันที่แตกต่างกันไป ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

 เบี้ยประกันชีวิต แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่
1.ส่วนของความคุ้มครอง
เป็นส่วนที่กำหนดทุนประกัน จะได้รับเงินประกันมากน้อยขึ้นกับความเสี่ยงของเพศและอายุ รวมถึงทุนประกันกรมธรรม์กำหนด

2.ต้นทุนการดำเนินงาน
เป็นต้นทุนของบริษัท เช่น ค่านายหน้า ค่าดำเนินการ เป็นต้น

3.เงินออมหรือเงินลงทุน
เป็นเงินที่บริษัทประกันจะนำไปบริหารเพื่อสร้างผลกำไรเป็นรายได้ของบริษัทและเป็นผลประโยชน์ที่การันตีให้กับเรา

 ประกันชีวิตแบบไหน จัดสรรเบี้ยอย่างไรบ้าง ?
1. ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ
เบี้ยส่วนคุ้มครองจะมากกว่าเงินออม ทำให้เราจะมีความคุ้มครองมากกว่าเงินคืน

2. ประกันชีวิตชั่วระยะเวลา
เบี้ยทั้งหมดอยู่ในส่วนของความคุ้มครองและต้นทุนการดำเนินงาน ไม่มีในส่วนของเงินออมเลยจึงเป็นแบบที่ได้รับความคุ้มครองสูงสุด

3. ประกันสะสมทรัพย์และแบบบำนาญ
เบี้ยส่วนใหญ่อยู่ในส่วนของเงินออม ทำให้ได้ผลตอบแทนค่อนข้างสูงในขณะที่ความคุ้มครองไม่มากนัก

 ประกันชีวิตแบบ Unit-Link จัดสรรเบี้ยประกันอย่างไร ?
1. ส่วนของความคุ้มครอง
ผู้เอาประกันสามารถเลือกจัดสรรเบี้ยได้เองว่าจะเน้นไปที่ความคุ้มครองหรือเงินลงทุนมากกว่า หากเราเลือกทุนประกันที่สูง ในส่วนของเงินทุนก็จะลดลงแต่ได้รับความคุ้มครองที่มากกว่า

2. ต้นทุนการดำเนินงาน
เป็นต้นทุนของบริษัท เช่น ค่านายหน้า ค่าดำเนินการ เป็นต้น

3. เงินออมหรือเงินลงทุน
ผู้เอาประกันสามารถเลือกกองทุนที่จะลงได้เองจากการคัดสรรของผู้เชี่ยวชาญของบริษัทประกันเพื่อความเหมาะสมของความเสี่ยงที่ผู้เอาประกันรับได้ ทำให้เพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทนมากกว่าประกันรูปแบบทั่วไป

ด้วยความที่เราสามารถบริหารสัดส่วนเบี้ยเพื่อความคุ้มครองและเงินลงทุนได้เอง เราจึงจำเป็นต้องรับความเสี่ยงของผลตอบแทนของกรมธรรม์ด้วยตัวเอง แต่เรามีความยืดหยุ่นในการเลือกจำนวนเบี้ยที่จ่ายและทุนประกันที่อยากได้ โดยสามารถปรับเพิ่มลด พักชำระหรือถอนเงินบางส่วนจากกรมธรรม์ ได้ตามการจัดสรรของผู้เอาประกันเอง

และทั้งหมดนี้คือข้อมูลของประกันชีวิตแบบทั่วไปและแบบ Unit Link ซึ่งจำเป็นต้องวิเคราะห์ดูก่อนว่าแบบไหนเหมาะเป้าหมายและวัตถุประสงค์ในการลงทุนของเรา ถ้ารูปแบบไหนตอบโจทย์ก็เลือกแบบนั้นได้เลยค่ะ

หลายคนอาจรู้จักการทำประกันชีวิตทั่วไป แต่ส่วนมากจะยังไม่คุ้นเคยกับประกันชีวิตแบบ Unit Link ซึ่งก็คือการรวมกันระหว่าง “ประกันชีวิต” และ “กองทุนรวม” ทำให้เราได้ทั้งความมั่นคงและต่อยอดความมั่งคั่งนั่นเอง เรียกได้ว่าซื้อ 1+1 > 2 เพราะสามารถปรับสัดส่วนประกันชีวิตและการลงทุนได้อย่างยืดหยุ่นและทยอยสร้างความคุ้มครองและลงทุนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังสามารถวางแผนทุกเรื่องได้ในกรมธรรม์เดียว

ซึ่งเราจะมาพูดกันถึง #ประกันเอไอเออิสระพลัส ประกันควบการการลงทุนที่สามารถปรับเปลี่ยนได้จามวัตถุประสงค์ของผู้เอาประกัน มีรายละเอียดยังไงบ้าง ไปดูกันค่ะ

 เบี้ยประกันภัยของกรมธรรม์จะแบ่งเป็น 2 ส่วน
1. เบี้ยประกันหลักเพื่อความคุ้มครอง เลือกแผนประกันที่มีความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ผู้เอาประกัน
2. เบี้ยประกันภัยเพื่อการลงทุน เลือกกองทุนรวมที่เหมาะกับเป้าหมายและความเสี่ยงที่รับได้

 ข้อดีของประกัน เอไอเอ อิสระ พลัส
1.ให้ความคุ้มครองชีวิตสูงสุดถึง 250 เท่า ของเบี้ยประกัน โดยให้ความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนวงเงินคุ้มครองได้
2.สามารถหยุดพักชำระเบี้ยโดยความคุ้มครองยังอยู่ เมื่อชำระเบี้ยประกันภัยหลักเพื่อความคุ้มครอง และมีอายุกรมธรรม์ครบ 3 ปีขึ้นไป สามารถพักชำระเบี้ยฉุกเฉินได้
3.สามารถเลือกลงทุนได้ด้วยตัวเองตามความต้องการและความเสี่ยงที่รับได้ โดยมีผู้เชี่ยวชาญวางแผนการเงินให้คำปรึกษา
4.สามารถซื้อสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพและโรคร้ายแรงเป็นสัญญาเพิ่มเติมแบบชำระค่าการประกันภัยโดยการขายคืนมูลค่าหน่วยลงทุน (UDR) ได้

 ประโยชน์ที่ผู้เอาประกันจะได้รับ
1.ความคุ้มครอง ให้ความคุ้มครองชีวิตสูงถึง 250 เท่าของเบี้ยประกัน
2.สัญญาเพิ่มเติม UDR สามารถแนบสัญญาเพิ่มเติมแบบชำระค่าการประกันภัย โดยการขายคืนหน่วยลงทุน
3.ปรับสัดส่วนประกันชีวิตกับการลงทุนอัตโนมัติตามความต้องการของผู้เอาประกันภัย
4.สัญญาเพิ่มเติม PPR ผู้เอาประกันสามารถซื้อสัญญาเพิ่มเติมแบบ PPR ได้
5.ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนสูง เพราะมีผู้เชี่ยวชาญดูแลเงินในกองทุนให้
6.ยังมีผลประโยชน์กรณี Non-lapse guaranteed แม้ว่ามูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุนจะไม่เพียงพอในการจ่ายค่าธรรมเนียมตามเงื่อนไขที่กำหนด
7.มีโบนัสยามเกษียณ 0.45 ต่อปีของมูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุนของเบี้ย PPR
8.การลงทุนของผู้เอาประกันจะถูกทยอยลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดความเสี่ยงจากตลาดผันผวน
9.สามารถปรับเปลี่ยนกองทุนบางส่วนหรือตามที่บริษัทกำหนด โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมใดๆ

 ประกันชีวิตควบการลงทุนเหมาะกับใคร ?
ประกันชีวิตแบบนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการวางแผนทั้งประกันชีวิตและการลงทุนภายในกรมธรรม์เดียว

 ความต้องการด้านประกันชีวิต
1.เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดหย่อนภาษี
2.เหมาะกับผู้ที่ต้องการส่งต่อผลประโยชน์ให้คนในครอบครัว โดยไม่ต้องเสียภาษีมรดก
3.เหมาะกับผู้ที่ต้องการมีหลักประกันให้ครอบครัว

 ความต้องการด้านการลงทุน
1.เหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนแต่ไม่มีเวลาดูแลเอง
2.เหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนแต่ไม่มีความรู้มากพอ
3.เหมาะกับผู้ที่ต้องการผู้เชี่ยวชาญช่วยคัดสรรกองทุน
4.เหมาะกับผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงการลงทุน และต้องการลงทุนอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ

ติดต่อสอบถาม

image
โทร : 094-451-7465
Line ID : @erconsulting
Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้