“การวางแผนมรดก” หลายคนคงมองเป็นเรื่องไกลตัวไม่เคยคิดที่จะวางแผนมรดกเลย เพราะคิดว่าเป็นเรื่องของคนรวย คิดว่าตัวเองมีทรัพย์สินไม่มากนักจะทำไปทำไมให้เสียเวลา หรือไม่ก็คิดว่าเป็นการแช่งตัวเอง ความคิดเหล่านี้ถือเป็นทัศนคติที่ไม่ถูกต้อง อาจลองปรับทัศนคติใหม่.... เพราะไม่ใช่แค่คนรวยที่มีทรัพย์สมบัติเงินทองมากๆ จึงต้องวางแผน
หากใครยังมึนๆ งงๆ ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนดี ผมอยากให้ลองตั้งสติและเริ่มวางแผนกัน
ซึ่งการวางแผนมรดกจำต้องมีสิ่งที่รู้ 5 ประการ ดังนี้5 รู้ เพื่อการวางแผนมรดก
1. รู้สินทรัพย์และหนี้สินที่มี
2. รู้จักภาษีการให้และภาษีมรดก
3. รู้กฎหมายมรดก
4. รู้วางแผนการส่งมอบมรดก
5. รู้ส่งต่อมรดกแบบได้ประโยชน์ทางภาษี
“ภาษีมรดก” แล้วนะครับซึ่งบังคับใช้มาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี พ.ศ. 2559 นับเป็นอีกก้าวหนึ่งของสังคมไทยยุคใหม่ที่มีภาษีแบบนี้ (จริงๆ เคยมีมาแล้วตอนปี พ.ศ 2476 แต่เนื่องจากจัดเก็บไม่ได้เลยยกเลิกไปในปี พ.ศ. 2487) ซึ่งภาษีมรดกนี้เป็นเรื่องไม่ไกลตัวของผู้ที่ประกอบธุรกิจครอบครัวเลย ดังนั้นเรามารู้จักกันหน่อยดีกว่าครับ
รู้ในเรื่องของกฎหมายมรดก ซึ่งหลักเกณฑ์ในการรับมรดก คือ ผู้ตายจะต้องแบ่งสินสมรสให้แก่คู่สมรสตามกฎหมายก่อน 50% จากนั้น จึงแบ่งมรดกให้แก่ผู้รับได้ โดยการแบ่งมรดกจะมีผู้รับหลักๆ อยู่ด้วยกัน 2 ฝั่ง 1. ทายาทโดยธรรม และผู้รับพินัยกรรม (เป็นทายาทหรือไม่ก็ได้)
ทายาทโดยธรรม คือ ทายาททางสายเลือด จะมีลำดับด้วยกัน 6 ลำดับ ดังนี้
1. ผู้สืบสันดาน บุตรตามกฎหมาย นอกกฎหมายที่รับรอง บุตรบุญธรรม หลาน เหลน ลื้อ และอื่นๆ
2. บิดามารดา
3. พี่น้องร่วมบิดามารดา
4. พี่น้องร่วมบิดาหรือมารดา
5. ปู่ ย่า ตา ยาย
6. ลุง ป้า น้า อา
ผู้รับพินัยกรรม จะมีสิทธิโดยชอบธรรม ที่มากกว่าทายาทโดยธรรม แต่ถ้าในพินัยกรรมบอกว่า ต้องการยกทรัพย์สินให้ผี้รับพินัยกรรมทั้งหมด ทายาทโดยธรรม จะไม่มีสิทธิ์ได้รับมรดก
การส่งต่อมรดกเป็นทรัพย์สินที่ได้รับประโยชน์ทางภาษี
สำหรับหลายๆ ครอบครัว ที่มีทรัพย์สินจำนวนมาก หรือมองในระยะยาวทางด้านผลตอบแทน และความคุ้มค่า ก็มักจะทำประกันชีวิต เพื่อรับสินไหม ผลประโยชน์มรณกรรม โดยในกรมธรรม์ระบุชื่อผู้รับประโยชน์ ที่ต้องการมอบทรัพย์สินก้อนสุดท้ายไว้ให้
.
เวลา มักผ่านไปเร็วเสมอ ดังนั้น รีบวางแพลน ตัดสินใจ เพื่อผลประโยชน์ต่อตัวคุณเอง และครอบครัว เพื่อเป็นการวางแพลนในการดำรงชีวิตของผู้ที่อยู่ต่อข้างหลัง จะได้ไม่มาเดือดร้อนกับปัญหา หรือสิ่งที่เคลียไม่จบที่เกิดขึ้นจากตัวเรากันนะคะ เพราะ อนาคตคือสิ่งที่ไม่สามารถคาดคะเนได้ แต่เราเตรียมความพร้อมรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้