ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับโครงสร้างของเบี้ยประกันชีวิตกันก่อน ซึ่งโดยปกติเบี้ยประกันชีวิตของกรมธรรม์แบบดั้งเดิม (Traditional Life Insurance) ได้แก่ ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ และประกันชีวิตแบบบำนาญ จะประกอบไปด้วยค่าใช้จ่ายทั้งหมด 3 ส่วน คือ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของบริษัทประกัน ค่าการประกันภัยหรือค่าความคุ้มครอง และเงินส่วนที่บริษัทประกันนำไปลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินต่างๆ เพื่อให้สามารถนำมาจ่ายเงินคืน หรือเงินปันผลให้กับผู้เอาประกันภัยตามที่ได้ระบุไว้ในกรมธรรม์ โดยส่วนใหญ่บริษัทจะมีนโยบายการลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่เสี่ยงมากนัก เช่น พันธบัตรรัฐบาล เนื่องจากกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบดั้งเดิม มักจะเป็นแบบที่มีการ การันตีผลตอบแทนให้กับผู้เอาประกัน บริษัทประกันจึงไม่สามารถไปลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงมากเกินไปได้ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนที่ได้จากกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบดั้งเดิมอยู่ในอัตราที่ไม่สูงนัก
ในทางตรงกันข้าม สำหรับประกันชีวิตแบบยูนิตลิงค์ แทนที่บริษัทจะนำเงินส่วนที่ 3 ไปลงทุนให้เรา (โดยมีข้อกำหนดว่าต้องลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ) บริษัทก็จะให้เราสามารถ “เลือก” ลงทุนด้วยตัวเอง ผ่าน “กองทุนรวม” ที่บริษัทคัดสรรมาแล้ว เพื่อให้เราสามารถบริหารจัดการการลงทุนให้ได้ผลตอบแทนที่ต้องการ ในระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เฉกเช่นเดียวกับการลงทุนในกองทุนรวมทั่วไป เพื่อให้เรามีโอกาสได้รับผลตอบแทนในระยะยาวที่สูงขึ้นได้